BHUTANดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
25 - 29พฤศจิกายน2014SPECAIL PRICE 42,990 BAHT
พาโร ทิมพู ปูนาคา 5 Days 4 Nights by Bhatan Airlines (B3)วันแรก (1) กรุงเทพฯ – พาโร – ทิมพู 04.30น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4ประตูทางเข้าที่ 5เคาน์เตอร์ Kสายการบินภูฎานแอร์ไลน์Bhutan Airlines (สายการบินแห่งชาติภูฎาน)
06.30น. เดินทางสู่ภูฎาน โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ B3
09.45 น. ถึง สนามบินพาโร เมืองที่ตั้งท่าอากาศยานของภูฎาน (เวลาท้องถิ่นภูฎาน ช้ากว่าที่ประเทศไทย 1 ช.ม.) ชม อาคารที่ พักผู้โดยสาร ซึ่งออกแบบด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของภูฎาน เป็นอาคารไม้ ประดับภาพ จิตรกรรม และภาพแกะสลักวิจิตรบรรจง เข้าไม้โดยไม่ใช้ตะปู หลังคาใช้ไม้แผ่นวางซ้อนกัน แล้วใช้ก้อนหินทับป้องกันลมพายุ พัดปลิว หลังจากพบไกด์ จะนำท่านเดินทางสู่ ทิมพู (Thimphu) ระยะทาง 65 ก.ม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ช.ม.) ถึง ทิมพู นครหลวงของภูฎาน ที่ระดับความสูง 2,350 เมตร จากระดับน้าทะเล ปานกลาง (ดอยอินทนนท์2,565 เมตร
เมืองลี่เจียง 2,200 เมตร จง เตี้ยน3,300 เมตร) จากนั้น จะ พาท่านเดินทางชม Memorial Chortenสร้างขึ้น ในปี 1974 หรือมหาสถูปที่พระ เจ้าจิกมี ดอร์จี วังชุก ซึ่งเป็นพระชนกของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน (พระเจ้าจิกมี ซิงเย วังชุก) พระองค์เป็นกษัตริย์องค์ที่3 ที่ปกครอง ภูฏาน ในช่วงปี ค.ศ.1928 – 1972 และทรงได้รับพระฉายาว่า พระ บิดาแห่งภูฎานยุคใหม่(King of Merdernization) มี
ประสงค์จะสร้างเพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา แทน สัญลักษณ์ กาย วาจาและใจ ของพุทธศาสนา แต่ท่านได้เสียชีวิตลงเสียก่อน สมเด็จพระราชินีจึงได้ ดาเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จทานอาหารกลางวัน หลังจากอาหาร จะพาท่านจุดพระพุทธรูปที่คุนเซลโพดรัง (KuenselPhadrand) เปิดให้ชมเมื่อ 2012 เป็นรูปปั้นทองแดงสูง 169 ฟุต เชื่อเป็นพระพุทธรูปแห่งความเมตตา Vajra Thorne Buddha สัญญาลักษณ์ของสิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้และชม สถานอนุรักษ์สัตว์ประจำชาติของภูฎานที่เรียกว่า ทาคิน(Takin) ซึ่งปัจจุบัน หาดูได้ยากมากเป็นสัตว์พิเศษ ที่มีลักษณะ ผสมระหว่าง แพะกับวัว เป็นสัตว์ที่มีเฉพาะใน ภูฏานเท่านั้น ถือเป็นสัตว์ ประจำชาติของภูฎาน หลังจากนั้น พาท่าน มายัง วัด ชันกังคา (ChangankhaLkakhang) วัดของลามะ “เทวะผู้บ้าคลั่ง” เป็นวัดที่อยู่บนสันเขาของเมืองทิมพู ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของโมติตัง กำแพงสีขาวของวัดเป็นจุดเด่นที่มองเห็นได้แต่ไกล เป็นที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองทิมพู พระลามะธิเบต เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.15 โดยลูกหลาน
ของท่านพระโจดรุ๊กกอม ชิป พระประธานของวัดคือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร งานจิตรกรรมฝาผนังที่ตรงข้ามกับประตูทางเข้ามีความพิเศษอยู่ที่ภาพของท่าน ซังปา กาเร เยเซ ดอร์จี ผู้ตั้งนิกายดรุ๊ก
ปะขึ้นในธิเบต วัดนี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์และชาวภูฎานนิยมมาขอพร และให้ตั้งชื่อลูกของตัวเอง รอบๆ บริเวณวัดท่านยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองทิมพูต่อด้วยชม“ทิมพู ซอง”
ThimpuDzongหรือชื่อทางการว่า ทาชิโชซอง(TashichhoDzong) ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในปี 1962ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้ ถูกใช้เป็นสถานที่ทำงานของกษัตริย์ สถานที่ทำการของกระทรวงต่างๆ และวัดรวมทั้งเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระสังฆราช นอกจากนี้กษัตริย์จิกมีทรงพำนักภายในบริเวณป้อมปราการนี้ด้วย ใน สมเด็จพระสังฆราชภูฎาน พระอารามหลวงสำนักพระราชวัง ทำเนียบรัฐบาล
ห้องประชุมรัฐสภาแห่งชาติ โดยแบ่งเป็นห้องต่างๆ กว่า100ห้อง ด้านข้างเป็นแม่น้ำ “The Wangchu River” เฉพาะท้องพระโรงใหญ่ ซึ่งประดับ ภาพจิตรกรรมผาผนัง และผ้าพระบทที่เล่าเรื่องราวในพุทธศาสนา หรือ “พระปทุมสมภพ(แปลว่า ผู้กำเนิดจากดอกบัว) ภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่ชาว ภูฎาน ในช่วงเย็น มีการต้อนรับประทานอาหารเย็นเข้าที่พักและพักผ่อน ตาม อัธยาศัย
วันที่ 2ปูนาคาทัวร์ (Thimphu - PunakhaTour)ทานอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางสู่เมืองปูนาคา (Punakha)ที่ระดับความสูง 1,300เมตร (ต่ำกว่าทิมพูราว 1,000เมตร) จึงมีสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าทิมพู กษัตริย์ภูฎานและสมเด็จพระสังฆราชจะทรงเสด็จแปรพระราชฐานในฤดูหนาว (ช่วงเดือน พ.ย. – เม.ย.) ปูนาคาจึงเป็น “เมืองหลวงฤดูหนาว” (Winter Capital) ในขณะที่ทิมพูเป็นเมืองหลวงฤดูร้อน ระยะทาง 80 กิโลเมตรใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางจะข้ามช่องเขา “โด ชูล่า” (Dochula Pass) หรือช่องเขาศิลาที่มีระดับความสูง 3,150เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นช่องเขาที่สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัย
ได้ในระยะใกล้ บางวันก็จะเห็นทะเลหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไป รวมถึงกังกา พุนซุม(GangkharPhuensum) ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ยังไม่มีผู้ใด สามารถขึ้นไปได้ ซึ่งสูงถึง 7,500เมตร ซึ่งมีสถูป “ดรุค วังเกล”(Druk Wangle Chorten) หรือสถูปแห่งความเป็นสิริมงคลและสันติสุขของแผ่นดิน 108องค์ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อถวายพระโพธิสัตว์ของชาว วัชรยาน108 องค์ โดยสมเด็จพระราชินี อะชิ ดอร์จิ
วังโม เดินทางถึง เมืองปูนาคา อดีตราชธานีของภูฎานมากกว่า 300ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1633- 1955 ถูกสร้างและปกครองโดยพระลามะผู้ใหญ่ซึ่งลี้ภัยมาจากทิเบตนาม ชับดรุง งาวังนัมเกล
(ShabdrungNgawangNamgyal) ผู้มีบทบาทในการรวมแคว้นต่างๆเข้าเป็นอาณาจักร ‘ภูฎาน’ เพียงหนึ่งเดียว ถึง ร้านอาหารเที่ยงชื่อ ชิมิลาคัง (ChimmiLakhangRestaurant) เดินทางต่อสู่วัดชิมิลาคัง (ChimiLakhang) ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา ท่ามกลางทุ่งข้าวบาเล่ย์ เป็นวัดที่ผู้คนนิยมไปขอบุตร สร้างโดย DrukpaKuenleyหรือ The Divine Madman ในคริสต์ศตวรรษที่15จากนั้นนำท่าน ปูนาคา (PunakhaDzong)ซึ่งมีขนาดพื้นที่ยาว 180เมตร มีหอกลางหลังคายอดโดมทองสูงถึง 6 ชั้น ภายในซองแบ่งเป็นส่วนที่ทำการปกครองเขตและส่วนของศาสนา และเป็นที่ประทับของพระสังฆราชในฤดูหนาว เพราะที่นี่มีอากาศอบอุ่น ด้านหน้าของปูนาคาซองจะเป็นจุดที่แม่น้ำโพ(Po Chu) และแม่น้ำ(Mo Chu) ซึ่งหมายถึงแม่น้ำแม่และแม่น้ำพ่อ ไหลมาบรรจบกันพอดีนำท่านสู่ที่พักเมืองปูนาคา รับประทานอาหารค่ำ
วันที่ 3ปูนาคา - ทิมพู(Punakha – Paro)ทานอาหารเช้าที่โรงแรม หลังจากอาหารนำท่านไปยัง เมืองพาโร หรือ ปาโร เมืองกลางหุบเขาแถวเทือกเขาหิมาลัย ประตูบานแรก หรือหน้าต่างบานแรกคงเปิดขึ้นที่นี่ เมืองพาโรเป็นเมืองที่ตั้งสนามบิน ซึ่งเครื่องจะบินลงจอดได้ก็มีแค่ สองสายการบิน“ฮไลท์” ของเมืองพาโร คงหนีไม่พ้น พาโรงซองหรือชื่อเต็มๆ พาโรริงปุงซอง ซึ่งหมายถึงป้อมเมืองพาโร หากท่านหามุมถ่ายรูปกับพาโรซอง ซึ่งด้านหน้าของซองก็มีแม่น้ำ ด้านหลังบนภูเขาสูงๆก็เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติภูฎานพาโรซองก็มีประวัติกันมายาวนานพอสมควร หลังจากทานอาหารกลางวัน พาท่านชม พาโร ซอง
(ParoDzong) หลังจากทานอาหารกลางวัน พาชม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฎาน ตั้งอยู่เหนือพาโรซอง ซึ่งตั้งอยู่ในป้อมตาซองที่เป็นหอสังเกตการณ์ในยุคโบราณ
ของพาโรซองซึ่งป้อมตาซองสันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1651 แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ผู้สร้างคือ เต็นชิน กดุ๊กกา น้องชายต่างมารดาของท่านซับดรุงนาวัง นัมเกล สร้างขึ้นเมื่อครั้งยังดำรงตำเหน่งอยู่ ป้อมตาซองนี้เคยเป็นที่คุ้มขังอูเอ็น วังซุก (ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งภูฎาน) สมัยปราบกฏบในปี ค.ศ. 1872ครั้นถึงกลางทศวรรษที่ 1950ก็ถูกทิ้งร้างให้ปรักหักพัง จนปี ค.ศ. 1965 พระเจ้าจิกมี โดร์จี วังซุก (รัฐกาลที่ 3แห่งภูฎาน) จึงโปรดให้บูรณะป้อมตาซองขึ้นมาใหม่ให้เป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ และทำพิธีเปิดเมื่อปี ค.ศ. 1968หลังจากนั้น นำท่านเที่ยวชม คิชูลาคัง (KyichuLhakhang) หรือ วัดคิชู ซึ่งเป็น 1ใน 2 วัดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศภูฏาน วัดนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ซองเซน กัมโป (SongtsenGampo) แห่งทิเบตซึ่งได้นำพระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศภูฎานเดินทางกลับเข้าที่พักทานอาหารเย็นประมาณ 1ทุ่มที่ และ พักผ่อนตามสบาย
วันที่4วัดทักซัง เมืองพาโร ภูฎาน TIGER NEST HIKEหลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมกันประมาณ 8โมงเช้า โดยประมาณ เตรียมตัวเดินทางไปยัง วัดทักซัง เราจะใช้เวลาขึ้นประมาณ 3ชม และลงอีก 3ชม
ตรงทางขึ้นวัด จะมีม้าให้บริการ ค่าขี่ม้าก็ประมาณ 1,000บาท ตลอดเส้นทาง ถ้าครึ่งทางก็ 500บาท ทางขึ้นเขาสูงถึง 3,100เมตร อากาศจึงเบาบาง จึงต้องระมัดระวังอย่าเดินเร็ว
จนเกินไป ระหว่างเดินทางขึ้นเขาประมาณ 2ชม จะเป็นจุดพักชมวิว รอบๆสวยงามมาก และมีร้านอาหาร ชา กาแฟไว้บริการยังมีวิววัดทักซังอยู่แค่เอื้อม เราใช้เวลาเดินทางต่อไป
ยังยังวัดอีกประมาณ 1ชม ถึงวัด ซึ่งทางวัดมีจุดฝากกล้องและกระเป๋า คือห้ามนำอะไรเข้าไปในตัววัด ทางวัดจะปิด 13.00-14.00จึงพยายามให้ถึงวัดสัก
11.00เพื่อจะได้ใช้เวลานานๆหลังจากลงจากเขารับประทานอาหารกลางวัน เข้าพักโรงแรมผักผ่อนอาหารเย็น พักผ่อน
วันที่ 5เดินทางกลับเช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.30เดินทางสู่ท่าอากาศยานเมืองพาโร
10.35ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพ ด้วยสายการบิน เที่ยวบินที่ B3
16.00เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
อัตราดังกล่าวรวม• ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-พาโร-กรุงเทพ ชั้นประหยัด
• ค่าที่พักห้องละ 2 ท่าน โดยใช้โรงแรมที่ผ่านการรับรองจากรัฐบาลภูฎาน (Standard Room)
• ค่าอาหารทุกมื้อตามที่กำหนดในโปรแกรม
• ค่ายานพาหนะ และค่าเข้าชมสถานที่ตามที่ระบุไว้ในโปรแกรม
• ค่าภาษีอากรขาออกสนามบิน กรุงเทพฯ และ พาโร
• ค่า Development Fee ที่ทางรัฐบาลภูฎาน เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยว
• ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่น (พูดภาษาอังกฤษ) คอยอำนวยความสะดวกตลอดโปรแกรม
• ค่าประกันอุบัติเหตุการเดินทาง วงเงิน 1 ล้านบาท (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)
• อัตราดังกล่าวไม่รวม • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าในกรณีเกินกว่าสายการบินกำหนดให้ 20 กิโลกรัมต่อหนึ่งคน
• ค่าธรรมเนียมในการทำหนังสือเดินทาง หรือค่าแจ้งเข้าออก กรณีคนต่างด้าว
• ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เครื่องดื่มและอาหารนอกรายการ,ค่าซักรีด, ค่าโทรศัพท์ฯลฯ
• ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ 200 บาท ต่อวันต่อคน
• ค่าภาษีบริการ 3% และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
การชำระเงินและการยกเลิกการเดินทาง• ทางบริษัทฯจะขอเก็บค่าทัวร์เต็มจำนวน 25,000.- บาท ต่อผู้โดยสารหนึ่งท่านสำหรับการจองทัวร์
• หากมีการยกเลิกจะต้องแจ้งทางบริษัทฯ ก่อนเดินทางอย่างน้อย 30 วันทำงาน
• สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางไทย และทางบริษัทฯ เป็นผู้ยื่นวีซ่าให้เมื่อผลวีซ่าผ่านแล้วมีการยกเลิกการเดินทาง บริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด
เอกสารที่ใช้ในการทำวีซ่า• สำเนาหนังสือเดินทางมีอายุใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน กรุณาส่งแบบ Scan ภาพสีเท่านั้น
หมายเหตุ• รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เนื่องจากความล่าช้าของสายการบินโรงแรมที่พักในต่างประเทศ เหตุการณ์ทางการเมือง และภัยธรรมชาติ ฯลฯ บริษัทฯ จะคำนึงถึงความสะดวกของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
• บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในกรณีผู้เดินทางได้นำ หรือมีสิ่งของผิดกฎหมายติดตัวในการเดินทางออกนอกประเทศ หรือ นำสิ่งของห้ามนำเข้ามาประเทศ หรือเอกสารประกอบการเดินทางไม่ถูกต้อง หรือ มีความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือ ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่กองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถเดินทางได้ ทางบริษัทฯ จะสงวนสิทธิในการคืนเงินให้ท่าน
• บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในกรณีที่สถานทูตงดออกวีซ่า อันสืบเนื่องมาจากตัวผู้โดยสาร
• บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทย งดออกเอกสารเข้าเมืองให้กับชาวต่างชาติ หรือ คนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในประเทศไทย
• บริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิในการอายัตเงินค่าทัวร์ทั้งหมดในกรณีที่ผู้เดินทาง ได้ชำระเงินเต็มจำนวน แต่มีการแจ้งขอยกเลิกการเดินทางน้อยกว่า 30 วัน ด้วยเหตุผลของสุขภาพของผู้เดินทางเอง หรือครอบครัวของผู้เดินทาง หรือเหตุผลใดๆก็ตาม ทั้งนี้บริษัทฯจะพิจารณา ตามสัดส่วน อาทิ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าที่พัก และความเสียหายอันเป็นผลกระทบต่อส่วนร่วม และให้ความช่วยเหลือในการคืนเงินตามแต่ละกรณีไป
เงื่อนไขและความรับผิดชอบ บริษัทเป็นเพียงตัวแทนการท่องเที่ยว สายการบิน และ ตัวแทนการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายต่างๆ ที่อยู่เหนือการควบคุมของเจ้าหน้าที่บริษัทฯ อาทิ การนัดหยุดงาน การจลาจล เปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาในตารางบิน ภัยธรรมชาติ ฯลฯ หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงหรือทางอ้อมเช่น การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย การสูญหาย ความล่าช้าหรือจากอุบัติเหตุต่างๆ ฯลฯ และการตอบปฏิเสธการเข้าและออกเมืองของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าหรือออกเมือง อันเนื่องมาจากมีสิ่งผิดกฎหมาย หรือเอกสารการเดินทางไม่ถูกต้อง หรือการถูกปฏิเสธในกรณีอื่นๆ